นี่เป็นโพสต์ที่ห่างจากโพสต์ที่แล้วนานถึง 5 ปี ! ไม่น่าเชื่อว่า blog นี้ยังมีชีวิตอยู่ และยังมีคนเข้ามาอ่านเรื่อยๆ
นี่คงจะเป็นบันทึกขนาดยาวเรื่องแอคคอร์เดียน ที่ผมยังคงกลับมา up อยู่ หลังจากลองทำมาแล้วทั้งเว็บไซต์และเพจ และล้มเลิกไปหมดแล้ว เมื่อมี social media และสื่ออื่นๆ มากมาย การเขียน blog ก็ดูจะได้รับความสนใจน้อยลง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมก็ยังกลับมาเขียนนะ 55 ผมไม่แน่ใจว่า ควรจะเขียนเรื่องไหนก่อนดี เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวเกี่ยวกับแอคคอร์เดียนมากมายเหลือเกิน เอาทีละเรื่องก็แล้วกัน
1.ผมขายแอคคอร์เดียนตัวแรกของผมไป และไม่ได้จับเปียนโนแอคคอร์เดียนอีกเลย แม้จะได้ขยับๆ บ้างตามโอกาส แต่ก็คงไม่คล่องเหมือนเดิมแล้ว 5-6 ปีที่ผ่านมา ผมเล่นแต่ diato ทั้งซ้อมทั้งเล่น ก็มีอยู่ตัวเดียวนี่แหละ
ช่วงปี 2561 สภาพมันแย่ลงด้วยหลายสาเหตุ ผมตัดสินใจเอาไปให้ "ลุงจุ่น" ซ่อมให้
ปรากฎว่า อาการหนักกว่าที่คิด เพราะนอกจากลิ้นเสียงภายในแล้ว ตัวสปริงติดคันโยกที่ปุ่มฝั่ง treble ยังโดนสนิมกินจนกรอบไปหมด ลุงจุ่น บอกว่า ลิ้นเสียงแกจะซ่อมให้ แต่ชุดสปริงให้ผมเอาไปซ่อมเอง แล้วแกก็แนะนำวิธีให้
คือ เอาสายกีตาร์สาย 6 มาลอกลวดอ่อนที่หุ้มออก แล้วเอาลวดที่เป็นแกนนั้นน่ะ มาขดเป็นสปริง
เชื่อมั้ยครับว่า กว่าจะได้สปริงครบ 21 ตัว ตามจำนวน 21 ปุ่มกดด้าน treble
มันยากชนิดที่เรียกว่า "เลือดตาแทบกระเด็น" เพราะสปริงที่หุ้มสายมันขาดง่ายมาก
ขาดทีก็ต้องแกะต้องแงะมาลอกกันใหม่ กว่าจะได้แต่ละมิลลิเมตร เกือบจะสติหลุด ทยอยแกะอยู่นานหลายวันกว่าจะลอกหมดและทำสปริงได้ครบ พอเสร็จแล้ว ก็ส่งกลับไปประกอบร่าง ลุงจุ่นก็อัดขี้ผึ้งมาให้เต็มบล็อกรีด
"ใช้ได้นานอีกหลายปี" ลุงจุ่นบอกด้วยความมั่นใจ และเสียงมันก็ดีขึ้นมากจริงๆ
ตอนไปรับและเทสต์ ผมดีใจจนน้ำตาจะไหล (จริงๆ นะไม่ได้เว่อร์)
เข้าใจซึ้งเลยว่า การมีเครื่องดนตรีดีๆ มันสำคัญสำหรับคนเล่นดนตรีขนาดไหน
แต่ก็นั่นละครับ ทุนเราไม่เท่ากัน ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามเหตุและปัจจัย
2.ผมตั้งใจว่า จะไปเล่นดนตรีเปิดหมวก ถึงขนาดไปทำใบขออนุญาตฯ เพราะเดี๋ยวนี้ ใครจะเล่นดนตรีเปิดหมวก ต้องไปทำใบอนุญาตนะครับ ถ้าไม่มีใบอนุญาตอาจโดนจับปรับได้ (รายละเอียดในการทำหาได้จาก google ครับ) แต่จนแล้วจนรอดดก็ยังไม่มีโอกาสจะได้ไปเล่นเปิดหมวกที่ไหนเลย ได้แต่เล่นอยู่บ้าน อัดคลิปลง facebook บ้างแชร์ลงในกลุ่ม diato ของต่างประเทศบ้างเท่านั้น
3.ถ้าถามว่าผมเล่น diato ได้ขนาดไหนแล้ว ?... ถ้าถามทักษะหรือความชำนาญ ผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แต่เท่าที่เล่นมา เพลงที่เขาว่ายากระดับ 4 ดาว ผมก็เล่นได้หลายเพลงอยู่นะ และในช่วงหลัง มีหลายเพลงที่ผมไม่ได้แกะจาก Tab หรือโน้ตเลย แต่ by ear คือฟังแล้วก็แกะออกมาเป็นเพลง ก็คิดว่า เราก็ชำนาญในระดับหนึ่ง แต่ถ้าให้อธิบายแบบทฤษฎีดนตรี ตัวโน้ตใดๆ ผมคงไม่สามารถอธิบายได้นะครับ เพราะไม่มีความรู้ด้านทฤษฎีเลย
4. ผมเล่น tune (เพลงของ diato) ได้ราวๆ 60 เพลง ดูเหมือนเยอะ แต่จริงๆ มันคือเพลงสั้นๆ ที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา แต่ละเพลงเล่นสัก 2-3 รอบ ก็ราว 1 นาที ถ้าเล่นทุกเพลง ก็คงได้สัก 1 ชั่วโมงละมั้ง แต่เอาเข้าจริง ก็มีเพลงที่ชอบเล่นบ่อยๆ กับเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่น ปนๆ กันอยู่
5. สิ่งที่ผมชอบมากอย่างหนึ่งในการเล่น Diato คือ มันมี tune มากมายก่ายกองให้เราเลือก ทั้งที่เป็นโน้ต ทั้งที่เป็น ABC notation ทั้งที่เป็น Tab แจกฟรี ชอบเพลงไหนก็เซฟไฟล์เสียง กับไฟล์ Tab (pdf หรือ jpg) เก็บไว้หัดเล่น เพลงของแต่ละวัฒนธรรมก็มีความแตกต่างกันไป เพลงฝรั่งเศสก็เป็นแบบหนึ่ง เพลงอังกฤษก็อีกแบบหนึ่ง เพลงอาร์เมเนียก็ออกแขกๆ หน่อย เพลงสแกนดิเนเวียนก็สำเนียงเฉพาะตัวบางอย่าง เพลงไอริชก็มีเอกลักษณ์มากๆ ฯลฯ เพลงส่วนใหญ่ มีแค่ 2 ท่อน ส่วนน้อยที่มีถึง 3 ท่อน หรือมากกว่า การเลือก Diato คีย์ GC มันทำให้สามารถเล่นเพลงจาก Tab ส่วนใหญ่ได้ น่าจะราว 80-90% แต่ถ้าใครจะ up level ไปเล่นเพลงไอริช ก็คงต้องหาคีย์ DG BC C#D หรือ DD# ที่เหมาะสมมากกว่า
6. ช่วงหนึ่ง ผมเคยได้ครอบครอง diato แบบ 3 แถวคีย์ GCF โดยรุ่นพี่ท่านหนึ่งให้ความเมตตา เอาไปเล่นก่อนผ่อนทีหลัง ซึ่งการได้เล่นมัน ช่วยเปิดหูเปิดตาผมมากขึ้นจริงๆ แม้ว่าน้ำหนักมันจะไม่น้อยเลย แต่เสียงที่ใสและคม ของมันก็น่าประทับใจจริงๆ แต่มันอยู่กับผมได้ไม่นาน ด้วยความจำเป็นทางการเงิน ผมก็ต้องขายมันไป
7. งาน Accordion Party จัดครั้งที่ 1 ที่ จ.ราชบุรี เมื่อปี 2559 และรวมคนเล่นแอคคอร์เดียนทั่วประเทศไทยได้ราว 30 คน บรรยากาศสนุกสนานเฮฮามากๆ จากนั้นก็มีการจัดต่อเนื่องมาทุกปีที่กรุงเทพฯ แต่มาปีนี้ (2563) ด้วยเหตุโควิท 19 ก็จึงต้องเลื่อนการจัดงานออกไป ผมได้ร่วมจัดงานในครั้งแรก โดยช่วยทำ art work และช่วยเป็นวิทยากร ครั้งต่อๆ มา ก็ได้ช่วยงานตามโอกาสจะอำนวย
8. ถ้ามองโดยภาพรวม ผมคิดว่า หลังจากงาน Accordion Party ครั้งที่ 1 แล้ว วงการแอคคอร์เดียนในประเทศไทยก็มีการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น มีคนเก่งๆ ที่โดดเด่นขึ้นมา และได้มีโอกาสแสดงความสามารถ , มีคนรุ่นใหม่ที่มีพื้นฐานทางดนตรีและหันมาเล่นแอคคอร์เดียนอย่างจริงจัง ,มีคนที่มีใจรักในแอคคอร์เดียน เข้ามาร่วมกันแบ่งปันความรู้ ฯลฯ ในส่วนของ diato เองก็มีการเติบโตเล็กน้อย คือมีผู้สนใจอีกท่านหนึ่ง ติดต่อมาว่าอยากจะเล่น ผมก็ได้ช่วยแนะนำเท่าที่จะสามารถช่วยได้ แต่เนื่องจาก diato มันเป็นอะไรที่เฉพาะตัว ถ้าไม่ได้ชอบเพลง tradition มากพอและมีลูกฮึด(ในการหัดเล่น/ในการหาเครื่องดนตรี)ระดับหนึ่งก็คงยากที่จะเล่นได้
9. ผมโพสต์คลิปใน Youtube บ้าง จำนวนยอดวิวน้อยนิด ส่วนใหญ่คนมาดูน่าจะเป็นชาวต่างประเทศ มีคนไทยมาชมและถามคำถามเกี่ยวกับแอคคอร์เดียน ในเชิงเทคนิค การซ่อมแซม ฯลฯ ซึ่งผมไม่ทราบ ก็ขอให้ไปถามผู้รู้ท่านอื่น การที่ผมเล่น diato และเขียนบล็อกเกี่ยวกับแอคคอร์เดียน ไม่ได้หมายความว่า ผมจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับแอคคอร์เดียนนะครับ ที่ตอบได้ก็จะพยายามตอบ ที่ตอบไม่ได้ก็ต้องบอกตามตรงว่า ไม่ทราบ
10. หลายครั้งที่ผมสงสัยว่า "ตัวเองมาเล่น diato ทำไม ?" เพราะมันไม่เพื่อนที่จะมาเล่นด้วยกันได้เลย มันเป็นอะไรที่โดดเดี่ยวมากๆ ไม่รู้จะคุยกับใคร เอาเข้าจริง มันแตกต่างจากเปียนโนแอคคอร์เดียน แบบคนละเรื่องกันเลย ทั้งวิธีการเล่น และเพลงที่เล่น พอไปอยู่ในกลุ่มคนเล่นเปียนโนแอคคอร์เดียน ผมก็ไม่สามารถจะไปคุยแลกเปลี่ยนอะไรกับเขาได้ แต่มันก็คงจะมีเหตุผลอะไรของมันอยู่ละมั้ง...หนทาง ก็ต้องถากถางไป หากมีผู้สนใจ(อย่างจริงจัง) ผมก็ยินดีให้คำแนะนำอย่างเต็มที่นะครับ
11. ชีวิตส่วนตัวผมหลังจากออกจากงานประจำเมื่อปลายปี 2560 เพื่อกลับบ้านมาทำธุรกิจส่วนตัว ตอนแรกทำท่าจะดี แต่แล้วก็กลับล้มคว่ำคะมำหงาย ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ใช้ชีวิตในปี 2561 อย่างทุลักทุเล กลับมาได้งานประจำอีกครั้งตอนปลายปี แม้จะต้องย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ก็เป็นไปเพื่อความอยู่รอด แต่ทำไปได้สักพัก ก็ต้องร้องเพลงพี่เบิร์ดว่า "ฉันมาทำอะไรที่นี่ ?" เหมือนไปให้เขาต้มยำทำแกงแท้ๆ สุดท้ายก็ต้องลาออก กระหน่ำสมัครงาน และวิ่งสัมภาษณ์งานแบบที่ "เหมือนจะให้ความหวัง แต่แล้วก็สิ้นหวัง" พอผ่านปีใหม่ 2562 ไปได้แค่เดือนเดียว ผมก็ต้องลาออกกลับมาอยู่บ้าน รู้สึกพ่ายแพ้และไร้ค่า สำหรับผม นี่เป็นปีที่ยากลำบาก เหมือนเชือกที่ถูกขึงจนตึงเปรี๊ยะ พร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ กระนั้น ณ ตอนนี้ที่เขียนบทความ ผมก็ยังมีชีวิตอยู่ ยังพยายามที่จะไม่ให้จิตใจตัวเองตกต่ำจนเกินไป ทำนู่นทำนี่ไป เท่าที่จะมองเห็นว่าตัวเองสามารถทำได้
ค่ำคืนนี้ช่างยาวนานจริงๆ ผมหวังจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเสียที
(*clip เพลง Deja Vu ความยากระดับ 4 ที่เล่นได้แล้วปลื้มมาก แต่ถ้าไม่เล่นนานๆ กลับไปเล่นอีกไม่ได้แล้ว)