จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 3 ประเภทของแอคคอเดียน

ช่วงเริ่มต้นศึกษาเรื่องแอคคอเดียน
ผมได้พบกับความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างหนึ่งคือ
แอคคอเดียนเป็นเครื่องดนตรีที่มีความหลากหลายมาก
ทั้งประเภท ทั้งรูปร่าง ทั้งเสียง ยังไม่นับบทเพลงที่แตกต่างหลากหลาย
ไปตามวัฒนธรรมของแต่ละ้ท้องถิ่น
เฉพาะเพลงพื้นบ้านของฝรั่งเศสที่ใช้แอคคอเดียนบรรเลง
เท่าที่ผมพอจะพบเจอในอินเตอร์เน็ตก็น่าจะหลายพันเพลงแล้ว
ยังไม่นับที่ไม่ได้เผยแพร่อีก
แล้วของประเทศอื่นๆ อีกตั้งเท่าไร

เรียกว่า ถ้าคุณหันมาศึกษาและเล่นแอคคอเดียนแล้ว
ทั้ง Hardware(แอคคอเดียน) และ Software(เพลง หรือ tune )
มีให้เล่นให้ลองของแปลกๆ ใหม่ๆ ไม่ซ้ำได้ตลอดชีวิตเลยละ

มาตามสัญญาที่บอกไว้เมื่อตอนที่แล้วว่าผมจะเขียนเรื่องประเภทของแอคคอเดียน
ซึ่งก็ต้องออกตัวก่อนว่า นี่เขียนตามที่ผมค้นคว้ามาเท่านั้น ยังไม่ใช่ที่สุด
ต่อไปในภายหน้า อาจจะมีข้อมูลใหม่ๆ มาเพิ่มเติมอีก

แอคคอเดียนเป็นเครื่องดนตรีประเภท "ลิ่มนิ้ว" คือใช้นิ้วกด ควบคุมการเปิดปิด
ของลมที่ผ่าน "ลิ้นทองเหลือง"(reeds) ให้เกิดเสียงตามที่ต้องการ
ฉะนั้น ในการแบ่งประเภทของแอคคอเดียนด้วยระบบ "ภายใน"
จึงได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1.แบบเสียงเดียว (Chromatic) เป็นแอคคอเดียนแบบที่แพร่หลายที่สุดนิยมเล่นทั่วโลก โดยเฉพาะ "เปียนโนแอคคอเดียน" หรือแอคคอเดียนที่มีลิ่มนิ้วแบบเปียนโน ที่เราๆ ท่านๆ รู้จักและคุ้นเคย ก็คือ
แบบเสียงเดียวนี่แหละครับ แอคคอเดียนแบบนี้ ส่วนใหญ่จะมีคีย์ครบทั้งเต็มเสียง ทั้งครึ่งเสียง มีน้ำหนักมาก
ที่ได้ชื่อว่าเป็นแบบเสียงเดียว เพราะเมื่อเรากดปุ่ม ไม่ว่าเราจะชักแอคคอเดียนเข้าหรือออก มันก็จะได้เสียงเพียงเสียงเดียว เพราะลิ้นทองเหลืองหันไปด้านเดียวกัน
ยังมีอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า button accordion หรือบางทีก็เรียกว่า chromatic accordion ซึ่งแทนที่จะเป็นลิ่มนิ้วแบบเปียนโน แต่จะเป็นปุ่มกดแทน แบบนี้จะเป็นที่นิยมมากในยุโรป เหมาะสำหรับเล่นเพลงที่ซับซ้อน เช่น เพลงคลาสสิก ซึ่งในแบบเสียงเดียวนี้ ยังแบ่งออกตามการวางปุ่มเบสอีก 3 แบบ กล่าวคือ
   
      1.1 การวางปุ่มเบสแบบ Stradella Bass เป็นการวางแบบทั่วไปที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือวางเรียงเป็นแถว โดยแถวตามแนวนอนจะเป็นเสียงประเภทเดียวกัน ไล่จากข้างบนลงมาคือ major 3rd note,root note,
major chord , minor chord , dominant seventh chord และ diminshed seventh chord (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Stradella_bass_system )
      1.2 การวางปุ่มเบสแบบ Bayan เป็นการวางเบสของแอคคอเดียนที่นิยมในรัสเซีย มีการวางที่แตกต่างจาก Stradella Bass มาก เรียกว่า ถ้ามาหัดเบสแบบนี้ ก็ต้องเรียนรู้กันอีกรอบ (เบสแบบนี้เหมาะกับเพลงรัสเซียซึ่งมีไมเนอร์และครึ่งเสียง เอาไปเล่นเพลงแบบอื่นๆ น่าจะยาก)
      1.3 การวางปุ่มเบสแบบ Free Bass เป็นการวางเบสที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อให้ผู้เล่นในระดับสูง สามารถเล่นเบสเป็นเมโลดี้ได้ นักดนตรีแอคคอเดียนระดับมืออาชีพ เล่นเพลงคลาสสิกจะใช้แอคคอเดียนประเภทนี้


2.แบบสองเสียง (Diatonic) เป็นแอคคอเีดียนที่นิยมเล่นในแถบยุโรป และอเมริกาใต้ แบบนี้เราไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะใช้เล่นเพลง tradition หรือเพลงพื้นบ้านเป็นหลัก ที่ได้ชื่อว่าเป็นแบบสองเสียง เพราะว่าเื่มื่อเรากดปุ่ม ชักออกจะเป็นเสียงหนึ่ง พอดันเข้าก็จะเป็นอีกเสียงหนึ่ง เช่นเดียวกับปุ่มเบส ก็จะเป็นสองเสียงเช่นกัน
แอคคอเดียนแบบนี้จะมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่การหัดเล่นก็ไม่ง่ายนะ เพราะเข้าเสียงหนึ่ง ออกอีกเสียงหนึ่ง

3.นอกจากทั้งสองแบบดังกล่าวแล้วยังมีแบบที่เรียกว่า "ลูกผสม"(Hybrid) คือฝั่ง treble จะเป็น diatonic แต่ฝั่ง bass จะเป็น stradella bass เช่นแบบที่เรียกว่า British Chromatic System


ถ้าแบ่งด้วยระบบภายในก็จะได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ นี่ละครับ แต่ถ้าแบ่งด้วยลักษณะภายนอก จะได้มากมายหลายประเภท บางอย่างก็มีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก เอาเท่าที่ผมทราบ และพอจะรวบรวมมาได้ ก็มีดังนี้ครับ

1. Piano Accordion แบบนี้เรารู้จักกันดีที่สุดดังที่กล่าวมาแล้ว แบบมาตรฐานมีตั้งแต่ 12 เบส ไปจนถึง 120 เบส (ระดับสูงกว่านั้นเป็นแบบพิเศษคือ 160 เบส และ 180 เบส) ส่วนลิ่มนิ้วมีตั้งแต่ 25 ไปจนถึง 41 และมี register (สวิทช์เปลี่ยนเสียง) ได้ต้ังแต่ 1 ถึง 15 ปุุ่ม (ถ้าเป็น แอคคอเดียนไฟฟ้า เช่นของ Roland ก็สามารถปรับเสียงได้มากกว่านี้) ขนาดและน้ำหนักก็ใหญ่ไปตามจำนวนเบส
เปียนโนแอคคอเดียน มีมากมายนับสิบนับร้อยแบรนด์ ถ้าเป็นแบรนด์ระดับโลก ราคาตัวละเป็นแสนบาทขึ้นไป ก็มักจะมาจากอิตาลี่ เช่น แบรนด์ Titano , Petosa , Scandali ,La Tosca ฯลฯ
และแบรนด์แถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งนิยม button accordion ก็จะมีแบรนด์ดังเช่น Lasse Pihlajamaa และ Kouvola Casotto
ส่วนแบรนด์เยอรมัน อาจจะไม่ได้เน้นหรูหราอลังการขนาดนั้น แต่จะเป็นที่รู้จักมากกว่าคือ Hohner ที่คนไทยคุ้นเคยที่สุด และอีกแบรนด์คือ Welmeister
แบรนด์อเมริกามีเยอะครับ แต่มักจะเป็นแบรนด์ใหม่ ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
แอคคอเดียนจีนที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น Golden Cup ,Ying Jee และ Landwin แม้ราคาจะถูกกว่า แต่คุณภาพก็ต่ำกว่า อายุการใช้งานไม่นาน
ส่วนแอคคอเดียนรัสเซียซึ่งวางเบสแบบ Bayan นั้น ก็เป็นที่นิยมเล่นเฉพาะในรัสเซียและเยอรมันเท่านั้น เพราะเอาเป็นเล่นเพลงแบบอื่นคงลำบาก
ลองเข้าไปดูที่ www.libertybellows.com ซึ่งเป็นร้านขายแอคคอเดียน จะมีตัวอย่างเปียนโนแอคคอเดียน
หลายๆ แบบให้เราดู


2.Diatonic Accordion เนื่องจากแอคคอเดียนประเภทนี้ จะมีลักษณะเ็ป็นกล่อง ขนาดพอๆ กับกล่องใส่รองเท้า และมีปุ่มติดอยู่สองข้าง (treble กับ bass) บางทีจึงเรียกว่า "ฺีButton Box" ในอังกฤษและฝรั่งเศสจะเรียกว่า Melodeon (คนละอย่างกับเมโลเดียนที่เป็นเครื่องเป่าในวงโยธวาทิตแต่ชื่อเหมือนกัน) ส่วนเยอรมันเรียกว่า Knoffakkordeon เนื่องจากแอคคอเดียนประเภทนี้ จะไม่มีเสียงครบเหมือนพวก chromatic กล่าวคือ จะมีครึ่งเสียงแค่บางเสียงเท่านั้น และการวางปุ่ม treble มักจะวางตามคีย์เสียงและจะเรียกคีย์ตามการวาง โดยนับจากแถวล่างขึ้นไป เ่ช่น GC ,AD ,CF ,CGF ,ADG ฯลฯ
แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในแอคคอเดียนแบบนี้ ก็ได้แก่ Hohner ,Welmeister ,Saltarell ,Castagnari และ Bertrand Guillard โดยเฉพาะ Castagnari เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมาก ตั้งแต่มือสมัครเล่น(ทีมีงบฯ เยอะหน่อย) ไปจนถึงมืออาชีพ ส่วน Hohner จะเป็นแบรนด์ยอดนิยมสำหรับผู้เริ่มต้น
แต่ถ้าแถบอเมริกากลางไปจนถึงอเมริกาใต้ที่นิยมเล่นเพลงสไตล์ที่เรียกว่า Tex-Mex หรือ Bluegrass
แบรนด์ Horner รับประทานเรียบนะครับ

3.Garmoshka หรือ Garmonica หรือ Garmon เป็นเครื่องแอคคอเดียนรัสเซีย หน้าตาคล้ายๆ Diatonic Accordion แต่ไม่ใช่นะครับ แค่คล้ายๆ เท่านั้น เพราะเจ้านี้จริงๆ แล้วเป็น Chromatic Accordion คือมีเสียงเดียว มีด้าน treble 25 ปุ่ม และด้าน bass 25 ปุ่ม นิยมเล่นมากในรัสเซียและประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเีซีย เจ้าตัวนี้เป็นส่วนสำคัญของดนตรีพื้นบ้านรัสเซียเลยครับ แทบจะขาดไม่ได้เลย นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ของรัสเซียก็หันมานิยมเล่นกันไม่น้อยเหมือนกัน
เจ้า Garmon นี่มีอยู่หลายยี่ห้อเหมือนกันครับ เช่น Tula, Khromka,Vyatka,Livenka และมีให้ลองฟังเสียงได้ใน youtube เยอะแยะเลยครับ
(เพลงรัสเซียมีเสน่ห์แบบประหลาดๆ อยู่ ผมหวังว่า สักวันจะได้เป็นเจ้าของ Garmon สักตัว)


4.Saratovskaya garmonika จริงๆ มันเป็นแอคคอเดียนรัสเซียแบรนด์หนึ่ง ซึ่งเพิ่งจะได้รับการฟื้นฟูโรงงาน และเริ่มต้นผลิตใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่มันเป็น Diatonic ครับ ไม่ใช่ Chromatic และผมเห็นว่ามันน่าจะแยกออกมา เพราะความพิเศษของมัน มันมีเอกลักษณ์ที่น่าัรักมากๆ อย่างหนึ่งที่ไม่มีแอคคอเดียนใดๆ ในโลกจะมี นั่นคือ "กระดิ่ง"ที่เหมือนกระดิ่งจักรยาน 2 อันที่ติดอยู่ด้านเบส ดังนั้นนอกจากเสียงเพลงทั่วไปแล้ว เจ้านี้ยังผลิตเสียงกระดิ่งไปพร้อมๆ กันได้ด้วย ให้ตายเถอะโรบิน มันเท่ห์จริงๆ นะ!


5.Steirishe Harmonik เป็นแอคคอเดียนแบบ Diatonic ที่ขนาดไม่เล็กเพราะ treble จะมีตั้งแต่ 3 แถวขึ้นไป และเสียงก็ดังกระหึ่ม เพราะใช้เบสแบบเฉพาะที่เรียกว่า Helikon Bass แอคคอเดียนแบบนี้ นิยมมากในยุโรปตอนกลาง คือเยอรมัน,ออสเตรีย,สวิสเซอร์แลนด์ เพลงที่เล่นคือเพลงพื้นบ้าน ที่มีจังหวะสนุกสนานร่าเริง
นี่เป็นแอคคอเดียนแบบที่ผมเขียนถึงในตอนที่แล้วว่า เคยฝากเพื่อนให้แฟนที่เรียนอยู่ออสเตรียซื้อให้ แล้วเพื่อนบอกว่า "โคตรแพง" นั่นละครับ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกหรอกครับ เพราะของใหม่ก็เริ่มต้นที่ประมาณ 2 พันเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 8 หมื่นบาท แล้ว จ๊ากกก!!


6.Schwyzerörgeli หรือ Orgeli เป็นแอคคอเดียนแบบ Diatonic ของสวิสเซอร์แลนด์ มีขนาดเล็ก มีปุ่ม treble1-3 แถว คล้ายๆ Melodeon แต่เบสจะวางต่างออกไป คือวางเป็นระนาบเดียวกับมือ
ส่วนใหญ่ bass จะมี 2 แถว แถวละ 9 ปุ่ม เพลงที่เล่นก็จะเป็นเพลงพื้นเมืองที่สนุกสนาน


7.Cajun เจ้าคาจุนตัวนี้ เป็นแอคคอเดียนแบบ Diatonic แถวเดียวที่นิยมเล่นมากในสหรัฐฯ เนื่องจากใช้มากในเพลง Bluegrass หรือเพลงเต้นรำสไตล์คาวบอย เสียงดังมาก และเล่นด้วยจังหวะคึกคัก เมโลดี้ที่เร้าใจ คีย์ที่นิยมเล่นก็มี C,D,F,G


8.Concertina บางคนอาจจะไม่นับเจ้าตัวนี้เป็นแอคคอเิดียน แต่ผมคิดว่าน่าจะนับรวมไว้ เพราะลักษณะการทำงานมันก็แบบเดียวกันนั่นแหละ "คอนเซอติน่า" เป็นเครื่องดนตรีที่เหมือนเอาอะไรกลมๆ เท่าฝ่ามือสองอันมาประกบกัน แต่ละด้านมีปุ่มหลายปุ่มและยึดทั้งสองข้างไว้ด้วย bellows เจ้าตัวนี้แบ่งออกได้เป็นอีกมากมายหลายประเภท แต่ถ้าแบ่งแบบกลไกภายในก็แบ่งได้เป็น 2 ประเภทเหมือนกันคือ
   8.1 แบบเสียงเดียว เช่น English Conceritna
   8.2 แบบสองเสียง เช่น Anglo Concertina ประเภทนี้จะใช้เล่นเพลง Irish เป็นหลักเลย
ถ้าเขียนเรื่องนี้ก็คงจะยาวอีกละครับ ใครสนใจลองไปค้นคว้าเพิ่มเติมดูนะครับ


9.Bandonion จริงๆ เจ้าตัวนี้วิวัฒนาการมาจาก Concertina แต่ไปแพร่หลายและเป็นที่นิยมในประเทศอาร์เจนตินา ในฐานะเครื่องดนตรีหลักที่ใช้เล่นเพลงเต้นรำที่เรียกว่า Tango
Bandonion หรือ Bandoneon นี้ คือ Concertina แบบสองเสียงที่ขยายขนาดขึ้นมา แต่ละด้านมีได้มากถึง 38 ปุ่ม รวมสองข้างก็เป็น 76 ปุ่ม ดังนั้นจึงมีคีย์มากถึง 142 เสียง
มันจึงน่าจะเป็นเครื่องดนตรีที่พกพาได้ ที่มีเสียงได้มากที่สุด
คนที่เป็นปรมาจารย์แ่ห่งเครื่องดนตรีชนิดนี้คือ Astor Piazzolla ครับ


10.Organetto เ็ป็น Diatonic Accordion ซึ่งเป็นที่นิยมในอิตาลี ด้าน treble จะมี 2 แถว แถวล่างมี 9 ปุ่ม แถวบนมีสามปุ่ม ส่วน bass มี 2-4 ปุ่ม ใช้เล่นเพลงพื้นเมืองอิตาลีที่มีจังหวะคึกคักและรวดเร็วมาก


ผู้ที่สนใจในแอคคอเดียนแบบต่างๆ สามารถค้นหาได้ด้วยชื่อแต่ละประเภทนะครับ
และทุกประเภทมีตัวอย่างให้ฟังใน youtube ด้วย


เฮ่อ ! กว่าจะอธิบายจบ หมดพลังงานไปเยอะเลย
ผู้อ่านก็คงจะพลอยอ่านจนเหนื่อยไปด้วย
เดี๋ยวตอนหน้า มีเซอร์ไพรส์เล็กๆ เกีี่ยวกับแอคคอเดียนตัวที่ 2 ของผม
ซึ่งได้มาแบบไม่คาดฝัน และมันเป็น Diatonic Accordion ด้วยนะครับ !

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 2 “แอคคอเดียน” ในยุคแห่งการสื่อสาร

พออายุเกินสามสิบปีแล้ว รู้สึกว่าเวลามันเดินเร็วมากนะครับ แป๊บๆ ผ่านไปตั้งปีหนึ่ง (อันที่จริงผมเกินสามสิบมานานจนเกือบจะสีสิบอยู่แล้วล่ะ 555)
ผมไม่ได้อัพบล็อกมานานถึง 1 ปีเต็มๆ คิดว่าบล็อกคงจะร้างไปแล้ว ยอดวิวก็คงจะเรี่ยๆ อยู่สักร้อย
เข้ามาอีกทีก็แปลกใจ มีคนแวะเข้ามาอ่านตั้งเกือบสองพันครั้งเลยหรือนี่ ดีใจจัง

แอคคอเดียน เป็นเครื่องดนตรีที่มีเสน่ห์ ใครได้ยินเสียงก็ชอบ บางคนก็ต้องมนต์ของมัน 
อยากเห็นตัวเป็นๆ อยากเล่น อยากเป็นเจ้าของ 
แต่อย่างที่ผมเคยเล่าไปแล้วว่า องค์ความรู้เรื่องแอคคอเดียนในบ้านเรานั้น มีน้อยเหลือเกิน 
ตอนนี้ใครอยากจะศึกษาเรื่องเกี่ยวกับแอคคอเดียน ก็ต้องค้นหาจากเว็บไซต์ของเมืองนอกเท่านั้นละครับ
ในยุคที่เราค้นหาอะไรก็ได้ง่ายๆ แค่พิมพ์คำที่ต้องการ เลยคิดว่าบล็อกเรื่องแอคคอเดียน ของผม ก็คงจะได้ไปโผล่ในหน้าใดหน้าหนึ่งของการค้นหาบ้าง ก็ทำให้คนแวะมาอ่านกันเยอะขึ้น 
รวมทั้งที่มาจากลิงค์ของเพื่อนบ้านอย่างเช่น ของลุงน้ำชา (น่าจะเยอะ)
ดีใจครับ ดีใจ

จากสองตอนแรกที่อารัมภบทเรื่องแอคคอเดียนไปแล้ว
มาตอนนี้ขอตัดชับๆๆ เข้าเรื่องแอคคอเดียนที่ผมได้มา 
คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อแอคคอเดียนตัวแรก

ความอยากได้แอคคอเดียนของผมมันรุมๆ สุมอยู่ในอกเป็นเวลานานหลายปี 
แต่ยังไม่รู้จะมีช่องทางไหนจะให้ได้มา
สมัยเรียนจบทำงานใหม่ๆ พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง มีเพื่อนคนหนึ่ง แฟนของเขาไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรีย ผมขอให้เพื่อนช่วยบอกแฟนให้ช่วยหาซื้อแอคคอเดียนราคาถูกๆ พอใช้งานได้มาให้ผมสักตัว เพื่อนก็รับปาก
ผ่านไปนานหลายเดือน เพื่อนมาบอกผมว่า แฟนเขาไปดูให้แล้วล่ะ 
"เออ แล้วเป็นไง ราคาสักเท่าไร ?" 
“มึงเลิกคิดเถอะ เรื่องแอคคอเดียนน่ะ”
“ทำไมวะ ?” ผมงง
“แม่ง...แพงชิบหาย” เพื่อนพูดแค่นั้น แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ ก็เป็นอันรู้กันว่า ราคามันแพงมากจริงๆ
ตอนนั้นผมยังไม่รู้เรื่องแอคคอเดียนเท่าไร ก็ได้แต่ปลง และเชื่อตามเพื่อนว่า มันแพงมากจริงๆ
แต่หลังจากนั้น เมื่อศึกษาเรื่องแอคคอเดียนมากขึ้นแล้ว ผมก็เข้าใจ ถึงกับพอจะเดาได้ว่า แอคคอเดียนที่เพื่อนว่าแพงนั้น เป็นแอคคอเดียนประเภทไหน

เวลาผ่านไปนานอีกหลายปี
ประมาณปลายปี 2553 ผมก็ตัดสินใจว่า ผมควรจะซื้อแอคคอเดียนมาหัดเล่นเสียที
เย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน ผมก็ไปที่ร้านขายเครื่องดนตรีในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน ขอลองแอคคอเดียนสักตัวหนึ่ง 
เป็นแอคคอเดียนจีนแดงยี่ห้อ Golden Cup ขนาด 32 bass ราคา 9 พันกว่าบาท พนักงานหยิบมาให้และถามว่า
“พี่จะเอาไปเล่นเพลงลูกทุ่งหรือครับ ?” (ฮา)
ความรู้สึกหลังจากที่ได้ลองประมาณยี่สิบนาที รู้สึกไม่ประทับใจเลย ทั้งเสียง ทั้งราคา
เลยคิดว่า เอาไว้ก่อนดีกว่า อย่างไรเสีย แอคคอเดียนพวกนี้ก็หาได้ตามร้านทั่วไปอยู่แล้ว
พอกลับมาบ้าน ผมมานั่งคิดๆ ดู ก็ตัดสินใจว่า
“เราลองมาเสี่ยงซื้อของจากเว็บเมืองนอกดีกว่า”
ผมถือคติว่า ชีวิตคนมันต้องผจญภัยกันหน่อยละครับ มันถึงจะมัน

บางท่านที่เคยสั่งซื้อของจากเว็บน่าจะรู้จัก ebay.com เป็นอย่างดี เพราะเป็นเว็บขายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ ที่มีของแทบจะทุกอย่าง ทั้งมือหนึ่ง มือสอง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ(เครื่องบินยังมีขายเลยนะ !) แค่เข้าเว็บแล้วค้นหาด้วยคำว่า accordion ก็จะมีแอคคอเดียนมากมายหลายสิบยี่ห้อ หลายสิบรูปแบบ ปรากฏขึ้นมาให้เลือกดู

แต่แอคคอเดียนที่จะส่งมาเมืองไทยได้นั้น มีอยู่ไม่มากเลย แถมค่าส่งก็ไม่ธรรมดาเสียด้วย ส่วนใหญ่อยู่ในราวร้อยดอลลาร์ ก็ประมาณสามพันกว่าบาท(ค่าเงินในตอนนั้น) ผมใช้เวลารอสินค้าประเภท “ราคาถูก สภาพดี และส่งมาเมืองไทย” อยู่นานเหมือนกัน กว่าจะมีแอคคอเดียนที่ราคาไม่แพง และคนขายส่งมาเมืองไทยโผล่มา โดยเจ้าแอคคอเดียนตัวนี้ เป็นการขายแบบประมูล และเริ่มต้นที่ 0.99 ดอลลาร์ !
แต่จะให้ประมูลเองก็ทำไม่เป็นหรอกครับ ขั้นตอนมันค่อนข้างจะเยอะอยู่ 
ในการติดต่อเพื่อประมูล ผมก็ใช้บริการของเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านนี้โดยเฉพาะ

เมื่อโอนเงินให้เขาไปจัดการแล้ว ผมก็รอ รอ รอ เมื่อหมดเวลาประมูลแล้วปรากฏว่าไม่มีใครประมูลแข่ง 
ผมก็ได้เป็นเจ้าของแอคคอเดียนตัวนี้ในราคาแสนถูก(น่าจะ 1.99 เหรียญ) แต่เมื่อบวกกับค่าขนส่ง และค่าบริการของเว็บสั่งซื้อแล้ว ก็ตกราวๆ สี่พันกว่าบาท
ผู้ขายแอคคอเดียนตัวนี้ เขาอยู่ที่ประเทศ “เอสโตเนีย” นู่น คือเป็นประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต มีที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ใกล้ๆ กับประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย มันเดินทางมาไกลจริงๆ

ผมคาดว่า ผมน่าจะได้แอคคอเดียนภายในหนึ่งเดือนหลังจากสั่งซื้อ 
แต่ก็ผ่านไปตั้งสามเดือนกว่าๆ  หลังจากการสั่งซื้อ มันนานเสียจนผมคิดว่า “เสียรู้ฝรั่งแน่แล้ว”
แต่เมื่อให้ทางเว็บไซต์เขาช่วยสอบถามผู้ขายให้ ก็ได้รับคำตอบว่า
“ผู้ขายบอกว่า ส่งมาทางเรือ เพราะถ้าส่งมาทางเครื่องบิน ค่าส่งจะแพงมาก ใจเย็นๆ มาถึงแน่นอน”
จำได้ว่า ช่วงนั้น ผมเอาเลขรหัสไปเช็คกับไปรษณีย์แทบจะทุกวันว่าของมาถึงหรือยัง 
จนกระทั่งสี่เดือนผ่านไปก็เริ่มจะปลง คิดว่า ถ้ามันมาถึงก็คงจะรู้เองแหละ
เช้าวันหนึ่ง ผมมาถึงออฟฟิศ กลับปรากฏว่ามีพัสดุห่อเบ้อเริ่มมารออยู่แล้ว
พอเปิดออกมาก็เป็นเจ้าแอคคอเดียนตัวที่ปรากฏในรูปนี้เอง
มันเป็นแอคคอเดียนสีน้ำตาล ชื่อยี่ห้อภาษารัสเซีย ไม่ทราบอ่านว่าอย่างไร ขนาด 80 bass 2 switch
34 treble 5 switch น้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม ถ้ารวมเคสก็ประมาณ 10 กิโลกรัม
จำได้ว่า ตอนเอากลับบ้าน ต้องหิ้วแขนแทบหลุด เนื่องจากเป็นปลายเดือนแล้ว ไม่มีค่า taxi (ฮา)

 ถ้าเป็นสมัยก่อน การสั่งซื้อของจากเมืองนอกโดยใครสักคนที่ไม่ใช่บริษัท และไม่มีเงินมากมาย คงเป็นเรื่องใหญ่ 
วุ่นวาย ซับซ้อน และใช้เวลานาน คนซื้ออาจจะท้อเอาง่ายๆ เสียด้วย 
แต่ในยุคแห่งการสื่อสาร การซื้อขายแบบนี้มันก็สะดวกง่ายดายขึ้น

แม้ว่า เจ้าแอคคอเดียนที่ผมสั่งซื้อ จะไม่ได้มีสภาพดีสมกับที่คนขายโฆษณาไว้ 
สภาพจริงคือค่อนข้างเก่า ต้องซ่อมแซมเพิ่มอีกหลายจุด แต่ผมได้คิดเอาไว้แล้วว่า 
แอคคอเดียนตัวแรกนี้ คือตัวที่ผมจะเอามาฝึกซ้อม เพื่อให้ผมได้รู้จักมันเสียก่อน 
ผมซื้อมาเพื่อศึกษาเรียนรู้ หลังจากนั้น ถ้าพร้อมแล้ว จะซื้อแบบแพงหน่อยแต่ดี ก็ค่อยว่ากัน 
ที่สำคัญ ผมพอใจกับมันมากกว่าแอคคอเดียนตัวแรกที่ผมไปลองในห้างสรรพสินค้าเสียอีก

แต่เรื่องอย่างนี้ก็แล้วแต่นะครับ บางคนอยากจะลองเครื่องดนตรีก่อน ไม่อยากจะรอนาน 
ก็ตัดสินใจซื้อแอคคอเดียนจีนที่มีขายทั่วไป ก็อยู่ที่ความต้องการของแต่ละคนละครับ

ที่มาของแอคคอเดียนของแต่ละคน คงจะต่างกันไป ถ้ามีทุนพอสมควร แนะนำให้ซื้อ “ของใหม่” ไปเลยครับ ดีที่สุด สบายใจ ได้ของดีมีคุณภาพใช้ได้นาน (แต่บางคนไปซื้อแอคคอเดียนจีนที่ร้านเก็บไว้นานจนสภาพไม่ดี ก็แย่เหมือนกัน)
แต่สำหรับคนงบน้อยอย่างผมและหลายๆ ท่าน ที่อยากได้ของดีมีคุณภาพ แต่ราคาไม่แพง 
ผมคิดว่า จำเป็นที่จะต้องศึกษาให้เยอะ คิดให้เยอะ วางแผนให้ดี และต้องกล้าที่จะลองเสี่ยงดู

เงียบหายไปร่วมปี เพราะคลื่นลมชีวิตไม่ปกติเท่าไร 
ปี 2555 เป็นอีกปีหนึ่งที่ชีวิตผมผันผวนมาก
เรื่องแอคคอเดียนก็ไม่ได้ซ้อมเพลงใหม่ๆ เลย
แต่ตอนนี้ ชีวิตลงตัวมากขึ้น เป็นอิสระจากงานประจำ เพราะเป็น "นักเขียนอิสระ" (ฮา) 
ก็ตั้งใจจะมาเขียนบล็อกต่อแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และทุกคำถาม เท่าที่ผมจะสามารถตอบได้

สำหรับตอนหน้า ผมจะเขียนเรื่อง “ประเภทของแอคคอเดียน”ครับ